BACK TO EXPLORE

MEMORY CREATION... “ความทรงจำ” คือธีมหลักของเสื้อผ้าจาก ICONIC

MEMORY CREATION... “ความทรงจำ” คือธีมหลักของเสื้อผ้าจาก ICONIC
แบรนด์เสื้อผ้าจากชายหนุ่มที่ถูกชะตาชีวิตกำหนดไว้ให้แล้วว่าเขาเกิดมาเพื่ออะไร…


ถ้าการออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิงชึ้นมาซักชุดหนึ่งจะต้องเกิดจากโจทย์มากมาย ทั้งความทรงจำวัยเยาว์ ความเป็นเด็กในตัวผู้หญิง สถานที่ในความฝันที่อยากไปท่องเที่ยว ดอกไม้ที่สวยงาม เรื่องราวของไอคอนหญิงซักคนที่มีความเป็นสากล เทรนด์ฮิตร่วมสมัยที่น่าสนใจ เนื้อผ้าที่เป็นที่นิยม ความรู้สึกวินเทจแต่ไม่หลุดสมัย การใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน การช่วยอำพรางหุ่นของผู้ใหญ่ให้ดูมีสัดส่วนทรวดทรง รวมถึงสีสันสวยงามของลวดลายด้วยแล้วล่ะก็....

ใครหลายๆ คนที่บอกว่าตัวเองมีความฝันอยากจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า ก็อาจจะเปลี่ยนความฝันไปเป็นอย่างอื่นเรียบร้อยแล้ว!
แต่สิ่งที่ฟังดูยากเหล่านี้ไม่ได้สร้างปัญหากับ “คุณหลุยส์ - อัครวุฒิฎ์ พันธุมวานิช” เลยแม้แต่น้อย


ยิ่งกว่านั้นคือโจทย์เหล่านี้กลับกลายเป็นเฟรมคิดสำคัญที่เขาสร้างมันขึ้นมาเอง ทั้งยังทำงานกับมันได้อย่างราบรื่น สนุกสนาน และยังเปี่ยมไปด้วยแพชชั่นเต็มร้อยอยู่เสมอ ราวกับว่าทุกครั้งที่เขาออกแบบเสื้อผ้าให้ “ICONIC” มันคือการทำงานครั้งแรกที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความสด

“เราโตมากับเสื้อผ้า เรียกว่าอยู่กับการทำเสื้อผ้ามาตั้งแต่เด็กเลย คือที่บ้าน คุณแม่จะทำเสื้อผ้า บ้านเราเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าผู้หญิง ดังนั้นเราก็จะเห็นมันมาตลอด และก็ชอบ อยากทำเสื้อผ้ามาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีความฝันอย่างอื่น” นักออกแบบเสื้อผ้าแห่ง ICONIC แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นชัดเจน หวนย้อนคิดถึงที่มาของตนเอง

คนบางคนคล้ายถูกชะตาชีวิตเขียนไว้ให้แล้วว่าเขาเกิดมาเพื่ออะไร
และดีไซเนอร์หนุ่มคนนี้ก็เหมือนจะเป็นคนประเภทนั้น

“มันเหมือนเราได้เห็นได้เรียนรู้โดยธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก เพราะอย่างที่บ้าน นอกจากทำเสื้อผ้าส่งไปที่ต่างๆ และประเทศต่างๆ แล้ว บางทีก็จะมีลูกค้าเดินเข้ามาหา เอาแบบที่เขาชอบมาให้เราทำให้ บอกว่าแบบนี้กำลังมา แบบนี้กำลังฮิต คนชอบแบบนั้นแบบนี้ ทำให้เราได้สังเกต ได้ฝึกการมองเห็นมาตลอดว่าอะไรขายได้ พอโตมามันก็เลยมีส่วนช่วย” เขาเล่าเรื่องราวเหล่านี้แบบเรียบง่าย ถ่อมตัว 


เท่าที่เห็น เวลาที่เขาคิดถึงความทรงจำวัยเยาว์ เขาจะดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
และแน่นอน..คำว่า “ความทรงจำ” ก็คือธีมหลักของเสื้อผ้าจากฝีมือของเขาที่ใครหลายๆ คนหลงรักนั่นเอง

แต่ทุกความสำเร็จย่อมต้องต้องมีการเดินทาง การเดินทางของ ICONIC ของหลุยส์และหุ้นส่วนที่เขาเรียกว่า ‘พาร์ทเนอร์’ นั้นก็เช่นกัน เพราะกว่าจะมาถึง Siam Center ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ก็ผ่านประสบการณ์และโชคชะตาของตนเองมาไม่น้อย

“แต่ก่อนเราเป็นร้านเล็กๆ คือเล็กๆ เลยอยู่ที่สวนจตุจักร ตอนนั้นก็ทำเสื้อผ้าสีหวานๆ แบบที่เราชอบนี่แหละ ค่อนข้างทำแบบซื้อง่ายขายคล่อง ราคาไม่แพงมาก ลูกค้าก็มีทั้งไทยและต่างชาติ ตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่าจะได้มามีร้านของตัวเองที่สยาม..อยากนะ..แต่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ คือมีวันหนึ่งเคยเดินมาดูร้าน Kloset ของพี่แก้ม พี่เล็กที่เป็นไอดอลของเรา ตอนนั้นยังเคยเปรยพูดกับเพื่อนเลยว่า...แกๆ วันหนึ่งชั้นอยากมีร้านที่สยามว่ะ ซึ่งเพื่อนก็ยังบอกเลยว่ามันเป็นไปได้ยาก แต่แล้ววันหนึ่งมันก็เกิดขึ้น”

ดีไซเนอร์เล่าให้เราฟังถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดพลิกชีวิตที่ทำให้เขาและพาร์ทเนอร์ตัดสินใจยกร้านจากตลาดจตุจักรขึ้นห้าง “คือตอนนั้นเราได้ผ้ามาทำเสื้อลายนึงเป็นลายดอกไม้ ดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นแนวมิลเลอร์แบบฟลิปกลับข้างกันสองข้าง ซึ่งทำมาสามสิบชุดมั้ง คนชอบมากขายหมดเลย ทีนี้เราอยากทำอีก แต่ผ้าที่มีเป็นผ้าสต็อกซึ่งไม่มีแล้ว เราอยากทำมากเลยไปซื้อผ้ามาเพ้นต์ลายเอง ใส่ไอเดียของเราเพิ่มเติมลงไปอีก แต่ทีนี้..พอผลิตจริงๆ ต้นทุนมันขึ้นมาเยอะเลย พอต้นทุนเยอะก็เลยต้องขายแพง ตอนนั้นคิดเลยว่า..ไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเราอยากออกแบบมากขึ้น อยากเล่นเทคนิคมากขึ้น เราคงต้องขึ้นห้างเพราะมันคงต้องแพง คือแพงไป ที่จตุจักรจะขายยาก นั่นเลยจุดเปลี่ยน  จากนั้นก็มีห้างนึงน่าสนใจก็เลยไปทำร้านแรก แล้วก็ต่อๆ มาจนมาเปิดที่สยามเซ็นเตอร์ตามความฝันได้”



แต่การขึ้นห้างนี่เขาตัดสินใจกันง่ายๆ เลยเหรอ? มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกหรือ?
“ไม่เลย ตอนนั้นไม่คิดอะไรมากไปกว่าความอยากเลย คือร้านที่สวนจตุจักรมันไปได้ เรามีเทิร์นโอเวอร์อยู่ เราก็ไม่คิดมากเลย ลุยอย่างเดียว ต้องขึ้นห้างให้ได้ ความอยากล้วนๆ” 

ดีไซเนอร์หนุ่มนึกถึงความทรงจำของเขาแล้วยิ้มขำอย่างมีความสุข  เท่าที่ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ชีวิตส่วนตัวของดีไซเนอร์คนนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากภาพจินตนาการถึงวงการแฟชั่นจากสายตาคนนอก เพราะเขาใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบเที่ยวมากนัก ใช้เวลาส่วนใหญ่กับร้าน ลูกค้า และตกค่ำก็กลับบ้านไปอยู่กับสัตว์เลี้ยง  เรียกว่าแต่ละวันมีความสุขกับการทำงานเป็นสำคัญ

“ก็มีความสุขที่ได้ทำงาน เพราะงานคือการที่เราได้ท่องเที่ยวไปในจินตนาการและความทรงจำ”
ถ้างานบางอย่างจะทำให้ใครบางคนเติมเต็มความสุขได้อย่างนี้ เราก็อยากรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่างๆ ระหว่างการทำงานของเขา

“ตอนออกแบบคิดอะไร? “ เขาทวนคำถาม “คืออย่างนี้..เราคิดจากความชอบล้วนๆ เลย คือ เวลาทำงานเนี่ย ผมจะทำหน้าที่เป็นดีไซเนอร์ล้วนๆ โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ให้ผม ทีนี้พอมานั่งประชุมกัน ผมจะถามก่อนเลยว่าเขามีไอเดียอะไรอยู่ในใจ แล้วพาร์ทเนอร์เราเขาชอบเที่ยว บางทีเขาก็จะบอกว่าตอนนี้เขากำลังคิดถึงสถานที่นี้หรือประเทศนี้อยู่ และตรงนั้นแหละที่เราก็เริ่มเดินทาง โดยการรีเสิร์ชข้อมูลและเราก็ท่องเที่ยวไปในจินตนาการของเรา เพื่อให้ออกมาเป็นเสื้อผ้าของ ICONIC”


กับเรื่องการเดินทางทางความคิดนี้ คนที่ไม่เคยผ่านงานทางความคิดมามากนักอาจจะคิดว่าการทำงานด้วยความคิดนั้นสนุกและง่ายเพราะได้จินตนาการไปเรื่อยๆ ไร้ที่สิ้นสุด แต่...ถ้าหากลองทำดูจริงๆ แล้วจะพบว่าไม่ง่ายเลย เพราะว่าสิ่งที่ยากกว่าการฝันหรือจินตนาการนั้น มันคือสิ่งที่เรียกว่าการกรอบความคิดและกลั่นออกมาให้มีทิศทางต่างหาก

กับเรื่องนี้..ดีไซเนอร์ของเราเล่าถึงการทำงานของเขาโดยอธิบายกรอบคิดของเขาที่ยึดโยงอยู่กับ Identity ของแบรนด์อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมมาก 

“คือแน่นอน identity ของ ICONIC คือผู้หญิงที่มีความเป็นเม็มโมรี่สูง มีความทรงจำวัยเด็กว่าสมัยเด็กอยากทำอะไร รู้สึกยังไง อยากไปเที่ยวที่ไหน มีความฝันยังไง เหมือนเด็กผู้หญิงอยากไปอวกาศ อยากไปอียิปต์ แต่มันยังเด็กเลยไปไม่ได้ เลยจะใส่จินตนาการพวกนี้ออกมาในเสื้อผ้า”

เขาเล่าต่อ “และผู้หญิงคือดอกไม้ ดังนั้นไม่ว่าจะพาไปเที่ยวที่ไหนเราก็จะยังต้องออกแบบให้มีสิ่งเหล่านี้เสมอ คือมีบรรยากาศของประเทศที่อยากไปเที่ยว มีดอกไม้ของที่นั่น มีความเป็นโลกในความทรงจำ คือจะออกมามีความย้อนเวลา วินเทจหน่อย และที่สำคัญคือเราคือ ICONIC ดังนั้นเราก็จะมีเรื่องราวของไอคอนที่เป็นผู้หญิงของประเทศนั้นๆ มาเล่าในเสื้อผ้าเราด้วย โดยที่เอาทั้งหมดมาเล่นกับเทรนด์ที่คนกำลังชอบและเนื้อผ้าที่กำลังมา โดยต้องคิดถึงคนใส่ด้วย คิดถึงเทรนด์ด้วย เพราะเราไม่ได้ทำสนองตนเองอย่างเดียว แต่เราทำให้ลูกค้าใส่ เลยต้องคิดผสมผสานทั้งความชอบของเรา ของลูกค้า ของเทรนด์ และหาทางออกแบบผสมผสานกันออกมาเป็นเสื้อผ้า”

พอพูดถึงการออกแบบเสื้อผ้าแล้วก็เหมือนมีพลังเพิ่มขึ้นมาทันที
เขายกตัวอย่างคอลเล็คชั่นหนึ่งมาเล่าให้เราฟังต่อทันที



“อย่างคอลเลคชั่นนี้มาจากเราเอง..เคนย่า คือเราชอบทานกาแฟเลยอยากทำอะไรจากแรงบันดาลใจเรื่องกาแฟ ก็เลยคิดถึงหลายๆ ประเทศที่มีกาแฟดี นึกถึงแอฟริกานึกถึงเคนย่าก็รีเสิร์ชเลย สนุกมาก..อย่างเรื่องดอกไม้ก็พบว่าดอกไม้หลายๆ พันธุ์ที่เราเคยเห็นและเคยคิดว่าเป็นของที่อื่นเนี่ย จริงๆ แล้วมันมาจากเคนย่านะ ก็เลยมีดอกไม้พวกนี้ และรูปผู้หญิงสวยคนนี้ (โชว์ให้ดู) เราก็ลอกแบบมาจากใบหน้าของโมนาลิซ่าที่ใครๆ ว่าสวยไง แต่เราเอามาเล่นกับความคิดว่าคนสวยไม่จำเป็นต้องเป็นฝรั่งเท่านั้นนี่ ก็เลยลอกแบบหน้าโมนาลิซ่ามาทำให้เป็นคนดำ แล้วจับใส่ผ้าโพกหัวให้กลายเป็นสาวเคนย่าซะ แล้วก็.....”  เขาอธิบายอีกหลายประเด็นที่ทำให้เห็นการทำการบ้านที่และเอียดยิบและการคิดที่ตกผลึกก่อนจะกลายเป็นลายเสื้อผ้า

แต่..เท่าที่ได้ฟัง ทุกๆ ครั้งที่พูดถึงงานออกแบบเขาจะพูดถึงลูกค้าเสมอ
ซึ่งตรงนี้เองเหมือนเป็นมิตรภาพพิเศษที่นักออกแบบคนนี้มีต่อลูกค้าประจำและผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าของเขา


“ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราจะเป็นผู้หญิงที่เรียกว่าเป็นผู้หญิงเต็มที่แล้ว คือไม่เด็กมากนัก แต่จะเป็นคนทำงานยันวัยผู้ใหญ่หน่อยแบบสี่สิบห้าสิบ เพราะเราเป็นเรื่องเม็มโมรี่เสมอ เราคือความทรงจำวัยเด็ก ซึ่งลวดลายพวกนี้จะชวนให้เขาคิดถึงความทรงจำของเขาและมีความสุขกับมัน และที่เน้นมากๆ เลยคือทรง เสื้อผ้าของเราจะเน้นออกแบบให้ช่วยเรื่องพรางสัดส่วน คือผู้ใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องหุ่น เราก็จะเลือกใช้ทรงเสื้อผ้าที่ช่วยให้ใส่แล้วดูเด็กดูสาวขึ้น ช่วยพรางหน้าท้อง คือออกแบบโดยการเน้นช่วยผู้ใหญ่ที่หุ่นเริ่มเยอะ ให้ใส่แล้วดูมีทรวดทรง ดูดีได้ อ้อ..และอีกอย่างคือเสื้อผ้าเราไม่มีสีดำเลยนะ เราเป็นความฝันงดงาม และเราไม่มีเสื้อโป๊เลย เราไม่เคยทำเสื้อผ้าโป๊เลย”


ดีไซเนอร์กล่าวปิดท้ายถึงร้านเสื้อผ้าของเขา ที่แม้แบรนด์และการออกแบบจะมีสไตล์ที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นๆ อย่างชัดเจน แต่มันก็ยังสามารถอยู่ในเทรนด์และในใจผู้หญิงได้เสมอว่า “ ICONIC สำหรับเราคือการทำให้ผู้หญิงธรรมดาสามารถกลายเป็นไอคอนของตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง..ให้ผู้หญิงเป็นไอคอนของตัวเขาเอง” เขาย้ำอย่างมีความฝันและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

YOU MAY ALSO LIKE