Six P.M. แฟชั่นของหนุ่มสาวสุดรั้น…ไม่แตกต่างก็ไม่คูลสิ!
แบรนด์ที่ผ่านอุปสรรคมามากแค่ไหน ก็ยังสู้ด้วยแพชชั่น
ดิว – ชาญชัย สุวรรณฉายา ผู้ชายที่รักการออกแบบคนนี้เขากล้าที่จะก้าวไปในเส้นทางใหม่ตามอินสไปเรชั่นที่ฝัน เขาเริ่มต้นด้วยชัยชนะระดับประเทศที่ทำให้ตัดสินใจเลือกสร้างแบรนด์ทุกอย่างจากศูนย์ด้วยตัวเอง ฝ่าฟันวิกฤตหลายๆ อย่าง จนทุกวันนี้ Six P.M. ลุกขึ้นมาเปลี่ยนคาแรกเตอร์ให้ชัดเจนมากขึ้นและออกแบบงานมาเป็นเอกลักษณ์จนเห็นใครใส่ก็จำได้ทันที

ดีไซเนอร์หนุ่มและผู้ก่อตั้งแบรนด์ Six P.M. อย่างคุณดิวเล่าว่าเขาเรียนจบจากคณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บวกกับการชอบงานออกแบบอยู่แล้วจึงส่งงานประกวดเยอะมากทำให้ครั้งหนึ่งคุณดิวได้รางวัลชนะเลิศกับการประกวดโครงการแกรนด์สปอร์ต ยังดีไซเนอร์ คอนเทสต์ ประเภทชุดกีฬาชายกับผลงานชื่อ “สติ” เป็นชุดกีฬารถแข่ง และการประกวดครั้งนั้นเองทำให้เขามั่นใจว่าต้องมาทำแบรนด์ของตัวเองให้ได้
“ผมก่อตั้งแบรนด์ตัวเองมาตั้งแต่ปี 2011 เรียนจบแล้วก็มาทำเลย เพราะจริงๆ ตัวผมเองเป็นคนชอบงานออกแบบและงานครีเอทีฟอยู่แล้ว รวมทั้งพวกงานสถาปัตยกรรมเป็นทุนเดิม พอมาได้เรียนด้านสิ่งทอในมหาวิทยาลัยเป็นความรู้ บวกกับความชอบเลยทำให้มาอยู่ในสายแฟชั่นตั้งแต่นั้นมา ช่วงสมัยเรียนผมก็มีโอกาสส่งงานประกวด ก่อนจะจบก็ได้รางวัลชนะเลิศออกแบบชุดกีฬา เลยเป็นต้นทุนของแรงบันดาลใจให้ออกมาทำงานดีไซน์ครับ”
ผ่านวิกฤตมาอย่างโชกโชน
คุณดิวตั้งใจไว้ว่าจะทำเสื้อผ้าให้ผู้ชาย เขาคิดว่าจะทำยังไงให้ตอบโจทย์คนสังคมเมือง “ผมทำวิจัยการตลาดของสังคมเมืองแล้วเจอว่าคนเมืองมีคาแรกเตอร์ที่สุดขั้ว สองด้านต่างกันสุดๆ เป็นคนทำงานที่โปรเฟสชันนัลทำงานสุด แล้วก็รีแลกซ์แบบสุดๆ เกิดเป็นคาแรกเตอร์ของแบรนด์ที่เป็น creative luxury”
“ผมเริ่มเปิดร้านในย่านเอกมัย แต่เปิดไม่นานก็เจอกับน้ำท่วมใหญ่ เลยย้ายสาขามาที่สยามสแควร์ คราวนี้เจอกับวิกฤตการเมือง ตอนนั้นรู้สึกว่าแบรนด์ของเราเดินอยู่บนวิบากกรรมมาตลอด แต่เรามีโอกาสไปออกงานแฟร์ และทางสยามพารากอนได้มาเห็นศักยภาพของแบรนด์ ตรงนั้นทำให้แบรนด์เริ่มเติบโตซึ่งช่วงแรกที่เราทำสินค้า เราไม่ได้เข้าใจสินค้า 100% ไม่เข้าใจธรรมชาติของสินค้า แต่เรามีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองทำให้เราทำสินค้าออกมามีคุณภาพที่ดี แต่ความเข้าใจในแฟชั่นยังไม่มาก แค่มีความสตรองในการผลิต”

Six P.M. ยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องและได้ออกไปเจอกับตลาดต่างประเทศ เข้าไปร่วมกับเทรดแฟร์และขายสินค้าให้กับเอเจนซี่ทั้งในเอเชีย อย่างที่จีน และฝรั่งเศสทำให้คุณดิวและทุกคนในทีมเองได้เรียนรู้ ซึมซับและปรับเปลี่ยนตัวเองให้ชัดเจนขึ้น
หนักที่สุด...สูญเงินนับล้าน!
เราถามว่าเหตุการณ์วิกฤตที่แรงที่สุด แต่ยังผ่านมาได้คืออะไร คุณดิวเล่าว่าเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ถึงจะกระทบค่อนข้างรุนแรงแต่เขายังสู้ต่อไป “เราไปขายตลาดยุโรปกับเอเจนซี่แล้วโดนโกงกลับมา เป็นเอเจนซี่ที่ไม่มีลูกค้า เงินสูญไปเป็นล้าน ตอนนั้นงานการ์เมนท์เราก็ไม่ค่อยได้รับทำ ผมคิดว่าจะปิดแบรนด์ดีมั้ย แล้วทำการ์เมนท์อย่างเดียว สองจิตสองใจมากแต่คิดว่าการ์เมนท์เราสร้างมาเพื่อซัพพอร์ตแบรนด์ สุดท้ายมาดูยอดขายก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดที่จะต้องปิดแบรนด์ แต่เราต้องปรับตัวเพื่อรักษาไว้ทั้งสองธุรกิจซึ่งช่วยเหลือกันและกัน ทำควบกันไป”
“วันนั้นทำให้เราเรียนรู้โลกมากขึ้นว่าเป็นประสบการณ์ให้เราแกร่งขึ้น ทำยังไงถ้าเจอวิกฤตแล้วเราอยู่ได้ ปรับตัวยังไงต่อไป กลายเป็นว่าเราก็กล้าพูดว่าตั้งแต่เปิดแบรนด์มาเราเจออุปสรรคค่อนข้างเยอะ ตัวเราเป็นแบรนด์ค่อนข้างใหม่ ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่มีอายุมากกว่าเรา การจะอยู่ให้ได้ไม่ใช่ใครแข็งแกร่ง แต่ปรับตัวเก่งสุดคือรอดจากวิกฤต Six P.M. ยังคงพัฒนาแบรนด์ต่อไป เราจะโฟกัสตลาดให้ลึกขึ้น เมื่อก่อนทำสินค้าที่หว่านตลาดมาก มาโฟกัสกรุ๊ป แล้วดูว่าลูกค้าเราจริงๆ เป็นยังไง ทำสินค้าให้แมทช์กับกลุ่มตลาด โดยรักษาคาแรกเตอร์แบรนด์มากที่สุด แต่ถ้ากระแสตลาดกับคาแรกเตอร์แบรนด์ไม่ไปด้วยกันก็ต้องปรับตัว”
เสื้อผ้าของคนครีเอทีฟที่ไม่เพอร์เฟ็กต์
คุณดิวบอกว่าเป็นอีกก้าวสำคัญที่กล้าจะเปลี่ยนแปลงแบรนด์ตัวเอง จากแนวกบฎมาเป็นสายครีเอทีฟ “เมื่อก่อนเสื้อผ้าของ Six P.M. จะเป็นแนว preppy นิดๆ ความชัดเจนของคาแรกเตอร์ไม่มี เราเซ็ตเป็น rebellious luxury แต่ทำไปทำมาไม่กบฏเท่าไหร่ เลยเข้าใจว่าเราเป็นครีเอทีฟที่ทำเสื้อผ้าแนว innovative มากกว่า นำไอเดียซิลลูเอทกับคัตติ้งออกมาให้ล้ำ กลายเป็น creative luxury ที่ออกจะรั้นๆ นิดนึง หัวดื้อหน่อยๆ โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาในดีเทลที่จงใจ ดูเหมือนตัดเย็บไม่เสร็จไม่เรียบร้อย เป็นแกนหลักของแบรนด์ เพราะเราเชื่อว่าความเพอร์เฟ็กต์ไม่มีจริงหรอก ฉะนั้นความหรูหราที่ไม่เพอร์เฟ็กต์กับไอเดียครีเอทีฟกลายเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ Six P.M. เรื่อยมา”

Six P.M. จึงเป็นแบรนด์ที่นำเสนอความครีเอทีฟได้แบบนุ่มนวล ไม่ตะโกนโวยวาย เป็นคนปฏิเสธสังคมลึกๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ดังนั้นถ้าใครได้เข้ามาเลือกซื้อเสื้อผ้าของแบรนด์นี้จะมีของให้เลือกทั้ง Main Line Items เป็นแฟชั่นที่จะอยู่ในตลอดเวลา หมดแล้วเติมใหม่ เป็นสินค้าที่บอกคาแรกเตอร์ของแบรนด์ได้ดี เช่น กางเกงทรงซิการ์แพนท์ เป็นผ้าหลายๆ ชิ้นมาตัดต่อ แต่คุมโทนสีเอาไว้ดูลุคคูลๆ เพราะความคูลก็เป็น luxury อย่างหนึ่งเหมือนกันซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย กับเสื้อผ้าที่เป็นคอลเลคชั่น ล่าสุดคือ White Riot โทนสีขาวดำที่น่าสนใจมากๆ

ดังนั้นผู้ชายในสไตล์ของ Six P.M. จะเป็นคนที่มีความคูล ชอบงานครีเอทีฟ ไม่ใช่คนที่แต่งตัวไม่โวยวายแต่ชัดเจนในคาแรคเตอร์ ส่วนผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงไม่แต่งตัวเฟมินีนจ๋า และเป็นคนที่หัวสมัยใหม่ มีความเซลฟ์เป็นของตัวเองและสตรองในแบบผู้หญิงตะวันตก
Six P.M. at Siam Center
และการมาเปิดช้อปเต็มรูปแบบที่สยามเซ็นเตอร์ เป็นอีกฝันของทางแบรนด์ที่เกิดขึ้นจากแค่สินค้าผู้ชายมาเพิ่มสินค้าผู้หญิงด้วย “เราอยากเข้าที่สยามเซ็นเตอร์มานานแล้ว แต่พื้นที่เต็มตลอด ที่นี่เป็นเหมือนแหล่งไอเดียที่มากที่สุดของเอเชียเป็นตลาดครีเอทีฟที่แท้จริง เปิดมาปีกว่าๆ แล้วฟีดแบ็กค่อนข้างโอเค เราเป็นครีเอทีฟแบรนด์ที่อยู่ในห้างที่เป็นครีเอทีฟไอเดีย เราไม่ได้หยุดอยู่ที่การสร้างแบรนด์ และมีการ์เมนท์เป็นของตัวเอง ขยายและรับงานผลิตให้แบรนด์ชั้นนำอีกหลายแบรนด์ โตคู่ขนานกันไป เรามีโรงงานที่แข็งแรงกับหน้าร้านที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”


อย่างคอลเลคชั่นล่าสุด White Riot ตอกย้ำความเป็น Six P.M. ได้ดี นี่เป็นอีกความภูมิใจของคุณดิวที่ได้สร้างสรรค์งานที่ไม่ใช้สีอื่นๆ เลยนอกจากขาวกับดำ “เรากลับมาย้อนคิดว่าอะไรคือแก่นรากของแบรนด์ สุดท้ายก็ได้คอนเซปต์ทำเสื้อผ้ายังไงให้น่าสนใจและดูมีมิติ หากในคอลเลคชั่นนี้ไม่ใช้สีเลย ทั้งคอลเลคชั่นมีแต่ขาวกับดำ แต่ทำให้น่าสนใจ เป็นไอเดียที่ท้าทายมากเลยเป็นที่มาของการกบฏของสีขาว เอาสีขาวมากลืนไปทั้งคอลเลคชั่น ใช้เทคนิคตัดเย็บดีเทลต่างๆ ของเสื้อผ้า และซิลลูเอทที่น่าสนใจ บวกกับการเก็บงานที่ไม่เพอร์เฟ็กต์ imperfect details” ทุกอย่างเกิดขึ้นจากฝีมือคุณดิวล้วนๆ ที่ได้ใช้ความรู้จากการเก็บเกี่ยวบวกกับประสบการณ์ในเส้นทางสายนี้ในฐานะดีไซเนอร์ผู้ชายรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองต่อไป


หนุ่มสาวหัวใจ innovative มาเลือกดูเสื้อผ้าของ Six P.M. ได้อย่างใกล้ชิดที่ช้อป ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์กันได้เลย!
Onitsuka Tiger กับแฟล็กชิปสโตร์ใหญ่ที่สุดใน South East Asia เปิดตัวอย่างเป็นทางการ!
ชอบรุ่นไหน ไซส์ไหน ไม่ต้องอดใจไปไกลถึงญี่ปุ่นแล้ว เพราะที่นี่ใหญ่มาก
ช้อปผ่านสายตาของแฟชั่น เอดิเตอร์...คอนเฟิร์มว่าลุคนี้สวยจริง!
เห็นเสื้อ กระโปรง กางเกงแล้วไม่รู้ว่าจะมิกซ์แอนด์แมทช์ยังไง ให้บก. แฟชั่นช่วยเลือกสิ
15 ไอเท็มท้าลมหนาว เอาชนะผิวแห้ง ไม่เปรี๊ยะ!
ได้เวลาเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับหน้าหนาวนี้
โปรเจ็กต์แห่งความความรัก ศิลปะ และแฟชั่นที่เบ่งบานล้นสยาม
10 ปี PAINKILLER เผยคอลเลกชั่นใหม่ SS19 ประจำเทศกาลแห่งความรัก